ความหมายของความรักคืออะไร
หน้า 1 จาก 1
ความหมายของความรักคืออะไร
ความรัก เป็นอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเสน่หาและความผูกพันทางอารมณ์อย่างแรงกล้า ในบริบททางปรัชญา ความรักเป็นคุณธรรมซึ่งสะท้อนถึงความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หาทั้งหมดของมนุษย์ ส่วนในบางศาสนา ความรักมิใช่เป็นเพียงคุณธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นพื้นฐานทุกสิ่งทุกอย่างของการมีอยู่ และเป็นจุดกำเนิดของกฎสวรรค์
คำว่ารักมีความหมายในหลายแง่มุมซึ่งทั้งลึกซึ้งและกว้างขวาง ตั้งแต่ความพอใจไปจนถึงความดึงดูดระหว่างบุคคลอันลึกซึ้ง แม้ว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว ความรักมักจะหมายถึงความรักใคร่ซึ่งมีความต้องการทางเพศและความสัมพันธ์ทางเพศ ความรักเป็นสิ่งนามธรรม ไม่อาจมองเห็น ไม่อาจจับต้อง ไม่อาจวัดปริมาณได้ โดยทั่วไปแล้ว ความเสียหายหรือการจากไปของสิ่งรักจะนำมาซึ่งความโศกเศร้าแก่ผู้รัก เนื่องจากผู้รักได้ให้คุณค่าแก่สิ่งนั้น อาจกล่าวได้ว่า ความโศกเศร้าจะมากหรือน้อยขึ้นกับคุณค่าที่ผู้รักกำหนดให้กับสิ่งที่ตนรัก นั้น ความรักไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงมนุษย์ สัตว์ต่างๆ ก็แสดงปรากฏการณ์ทางความรักให้เห็น เช่น การปกป้องลูก
รูปแบบของความรัก
* ความรักต่อบุคคล:
oo ความรักต่อทายาท - รักที่พ่อแม่มีให้กับลูกผู้ซึ่งตนให้กำเนิด
oo ความรักต่อบุพการี - รักที่ลูกมีต่อพ่อแม่
oo ความรักต่อญาติพี่น้อง - รักที่มีระหว่างญาติพี่น้อง
oo ความรักต่อเพศตรงข้าม - รักที่อาจมีอารมณ์ และ/หรือ ความรู้สึกทางเพศมาเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ได้
oo ความรักต่อเพื่อน - รักที่มีระหว่างผองเพื่อน
* ความรักต่อสถาบัน - รักที่ผู้รักมีต่อสถาบันที่ตนมีส่วนผูกพัน เช่น รักชาติบ้านเมือง, รักศาสนา, รักพระมหากษัตริย์, รักโรงเรียน, รักภาษาไทย ฯลฯ
* ความรักต่อสิ่งต่างๆ - รักที่ผู้รักมีต่อสิ่งซึ่งตนเป็นเจ้าของหรือมีส่วนผูกพัน เช่น รักรถยนต์, รักหนังสือ, รักรถไฟ, รักเพลงคลาสสิก, รักฟุตบอล ฯลฯ
* ความรักต่อตนเอง - รักที่ผู้รักมีต่อตนเอง
จากการแบ่งนี้ช่วยให้เราเห็นความแตกต่าง เช่น ความรักที่เรามีต่อพ่อแม่นั้นแตกต่างจากความรักที่เรามีต่อแฟน. ความรักต่อพ่อแม่ของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ความรักจึงยากต่อการวัดหรือการเปรียบเทียบ
ความรักในมุมมองของศาสนา
ศาสนาพุทธ
ความรักคือความทุกข์ รักน้อยทุกข์น้อย รักมากทุกข์มาก ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์
หากแต่คำกล่าวนี้ แท้จริงไม่ได้สื่อความว่าไม่ให้คนเรารักกัน แต่ความรักที่ให้แก่กันจะต้องเป็นความรักที่มอบให้อย่างบริสุทธิ์ใจอย่างมี เมตตา
ไม่คิดยึดติดในอารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียงหรือความรู้สึกต่อความรักนั้นๆ การแผ่เมตตาก็ถือเป็นความรักรูปแบบหนึ่ง
ศาสนาพุทธแบ่งความรัก (ปิยัง) เป็น 4 อย่าง คือ
1. สิเนหาความรักที่เกิดจากความต้องการทางเพศหรือลุ่มหลงเทิดทูน
2. ปิยะ ความรักที่เกิดจากสัญชาติญาณหรือความรักในเครือญาติ
3. เปมัง ความรักที่เกิดจากความผูกพัน และช่วยเหลือกันมา
4. เมตตา ความรักที่เกิดจากการฝึกให้คุณธรรมเกิดมีขึ้นในจิตใจให้รักผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว
ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์ถือว่าความรักคือสิ่งสูงสุด คือทุกสิ่ง คือพระลักษณะของพระเจ้า คือพระเจ้า พระเจ้าคือความรัก ความรักของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด
ความรักย่อมอดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว
ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีในการประพฤติผิด
แต่ชื่นชมยินดีในความประพฤติชอบ
ความรักให้ทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ
และทนต่อทุกอย่าง ความรักไม่มีวันสิ้นสุด
เปรียบเสมือนความรักที่พระเยซูมีต่อเรา โดยลงมาตายบนไม้กางเขน ที่หาค่าไม่ได้ และไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่ปรารถนาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับคืนดีกับเราอีก
นอกจากนี้ ความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ไม่มีรักใดจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีก คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน''
และเหตุฉะนั้นจึงตั้งอยู่ 3 สิ่ง ความเชื่อ ความหวังใจและความรัก แต่ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด
นอกจากนั้นพระคัมภีร์ยังเตือนว่าการมีทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ดี แต่ถ้าหากปราศจากความรักแล้วจะมีคุณค่าก็หามิได้เลย
แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆที่เป็นภาษามนุษย์หรือทูตสวรรค์ได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ จะรู้ความล้ำลึกทุกอย่างและมีความรู้ทั้งสิ้น และแม้จะมีความเชื่อมากยิ่งที่จะย้ายภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย แม้ข้าพเจ้าจะบริจาคสิ่งของของข้าพเจ้าทุกอย่างหรือยอมให้เอาตัวไป เผาไฟ(สำเนาโบราณบางฉบับว่า เอาตัวไปเพื่อข้าพเจ้าจะอวดได้) แต่ไม่มีความรัก ก็จะไม่เป็นประโยชน์กับข้าพเจ้า ...
ความรักไม่มีวันเสื่อมสูญ แม้การเผยพระวจนะก็จะเสื่อมสลายไป แม้การพูดภาษาแปลกๆก็จะเลิกพูดกัน แม้วิชาความรู้ก็จะเสื่อมสลายไป...
พระองค์เอง ยังทรงย้ำอีกว่า คนที่เป็นสาวกของพระองค์ต้องมีความรัก หากไม่มีความรัก ไม่ใช่สาวกของพระองค์
เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน คือให้รักซึ่งกันและกัน เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา
ความรักในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ไม่ใช่การตามใจ แต่คือ การเตือนสติกันด้วยความรักด้วย เพื่อมุ่งปรารถนาให้คนๆนั้นกลับตัวกลับใจเสียใหม่ในเรื่องที่ทำผิด
เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่
นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
การมอบของขวัญแทนความรัก
ของขวัญที่มักนิยมให้เพื่อแสดงความรัก มีอยู่ด้วยกันหลากหลายอย่างด้วยกัน แต่ที่นิยมกันมาก ก็คือ เครื่องประดับ เช่น แหวนเพชร สร้อยคอ กำไรข้อมือ นาฬิกา ทองคำ ซึ่งมักหาซื้อได้ตามร้านที่ขายสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ ช่อดอกไม้ สำหรับบางคนก็มักจะนึกถึงดอกไม้เพราะว่า ดอกไม้ขึ้นชื่อว่าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเกือบทุกคนชื่นชอบ ความสวยงามและกลิ่นที่มีเอกลักษ์เฉพาะตัว รวมไปถึงดอกไม้แต่ละชนิดก็ยังมีความหมายที่บอกถึงความรักในแง่มุมที่แตกต่าง กัน ซึ่งมักหาซื้อได้ตามร้านดอกไม้ที่มีอยู่ทั่วไป หรือบางร้านอาจมีบริการ ส่งช่อดอกไม้ถึงคนที่เราต้องการบอกรัก ซึ่งก็จะมีราคา ตั้งแต่ หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น ช็อกโกแลต ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ เพราะช็อกโกแลตมีสารที่ทำให้เกิดความสุขซึ่งเป็นสารตัวเดียวกันที่เกิดขึ้น ขณะคนกำลังมีความรัก ดังนั้นช็อกโกแลตจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความรักที่ทุกชาติให้ความ นิยมกัน ช็อกโกแลตส่วนใหญ่ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดก็มักจะเป็นช็อกโกแลตบาร์ แต่ก็มีบางร้านที่ทำช็อกโกแลตสไตล์โฮมเมดเพื่อ เพิ่มความสวยงามให้กับช็อกโกแลมากยิ่งขึ้นซึ่งปัจจุบันก็มีอยู่ด้วยกันหลาย ร้านด้วยกัน และในปัจจุบันก็มีบางร้านได้ให้บริการสั่งช็อกโกแลตของขวัญผ่านระบบอินเตอร์ เน็ต จัดส่งด้วย EMS ทั่วประเทศ เช่น ร้าน โฮมช็อกโกแลต ( Home Chocolate ) เป็นต้น
อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ